จากเมืองกันดารกลางทะเลทราย ที่ไม่มีอะไรเลยอย่าง ลาสเวกัส เมื่อมาจับเอาธุรกิจการพนัน แถมทำให้ถูกกฎหมายได้แล้ว ในที่สุดก็เลยกลายเป็นเมืองต้นแบบ ของเมืองคาสิโนทั่วโลก และสร้างความเจริญจนกลายเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนหลั่งไหลเดินทางมาท่องเที่ยว และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เล่นการพนันก็ตาม แต่พวกนั้นก็มาดูความเจริญและความสวยงาม ที่ไม่แพ้การเดินทางไปท่อง เที่ยวนิวยอร์ก หรือว่า เที่ยวสวีเดน เลยทีเดียว
ที่ตั้งของเมือง เวกัส ในปัจจุบัน เป็นจุดที่เรียกกันว่าทะเลทรายโมฮาวี ที่ถือว่าแห้งแล้งอย่างมาก ต่อมาในปี 1821 ก็มีพวกนักสำรวจที่เดินทางมาจากเม็กซิโก เพื่อจะไปแคลิฟอร์เนีย ที่นั่นมีคนหนึ่งออกไปหาแหล่งน้ำ และพบเข้ากับ โอเอซิสทำให้จุดนี้ก็เลยกลายเป็นจุดแวะพักยอดฮิต และเกิดชื่อที่เป็นภาษาสเปนขึ้นมาว่า Lasvegas นั่นเองค่ะ บางคนไปเที่ยวที่นี่แต่ ฝันว่าฟันหลุดเลือดออกเยอะมาก เลยอยากรู้ว่าหมายถึงอะไร ?
ลาสเวกัส กับยุคตื่นทองที่ทำให้เกิดเส้นทางรถไฟ
ลาสเวกัสประเทศอะไร ในปี 1844 คือยุคที่ทางสหรัฐได้เกิดมีสงครามกับเม็กซิโก ทำให้ตอนนั้นก็เลยมีทหารอเมริกันเข้ามายึดเมือง แล้วใช่ที่นี่สร้างเป็นฐานทัพ และเมื่อสงครามสงบลง ก็เลยกลายเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของคนอเมริกันไปด้วยเลย ซึ่งในปี 1848 มีการค้นพบทองคำกันในแคลิฟอร์เนีย
ทำให้มีผู้คนแห่กันมาหาขุดทองมากกว่า 3 แสนคน ทำให้ Lasvegas ที่เป็นเหมือน ประตูบ้านของแคลิฟอร์เนีย ก็เกิดคึกคักขึ้นและเมื่อธุรกิจทางด้านโรงแรมและร้านอาหารเกิดบูมขึ้นมา ทำให้กลายเป็นที่นัดพบของคนเดินทาง เพื่อมาขุดทองแบบไม่ขาดสายเลยทีเดียวค่ะ สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า ลาสเวกัสอยู่รัฐไหน ก็ต้องบอกว่าอยู่ที่รัฐเนวาดาค่ะ
เรื่องขุดทองจบไปแต่ได้อุตสาหกรรมเข้ามาแทนที่
เมื่อยุคตื่นทองได้จบลง ทำให้ยุคอุตสาหกรรมเข้ามาแทนที่ มีการสร้างทางรถไฟ ที่โยงใยไปทั่ว เพราะว่าอุตสาหกรรมของสหรัฐฯในตอนนั้นเริ่มเติบโตมากขึ้น และเริ่มมีการก่อสร้างทางรถไฟ ที่เริ่มตั้งแต่ลอสแอนเจลิส ไปยังซอลต์เลกซิตี้ และแน่นอนว่าเมื่อ Lasvegas เป็นทางผ่าน ก็ได้กลายเป็นจุดนัดพบยอดฮิตอีกครั้ง ทำให้มีคนที่เดินทางผ่านเข้ามาในเมืองนี้ วันละเป็นพันคนเลยทีเดียว
และจากการที่มีคนเดินทางมาจากทุกๆ แห่งทั่วโลก เมื่อเวลาผ่านไปทำให้เมืองนี้ ไม่ค่อยจะมีระบบระเบียบ ทำให้เกิดนักลงทุนที่เข้ามาทำธุรกิจแนวสีเทา ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการโสเภณี ร้านเหล้า และพวกสถานบันเทิงที่หนีภาษี และในธุรกิจเหล่านั้นก็เป็น ลาสเวกัสคาสิโน ที่ผิดกฎหมายเกิดขึ้น
ไม่น่าเชื่อที่ว่า ลาสเวกัส เมืองคนบาป มีเงินสะพัดอยู่ในเมืองเยอะมาก แต่ว่าครึ่งหนึ่งกลายเป็นเงินที่อยู่นอกระบบ และในส่วนของพลเมืองที่มีน้อยมาแค่ประมาณ 800 คนเท่านั้น ทำให้เมื่องนี้กลายเป็นเมืองที่โตช้า แต่จะมีใครเคยคาดการณ์คิดไหมว่า เมืองกลางทะเลทรายที่อยู่นอกกฎหมายเมืองนี้ แถมเป็นเมืองที่ไม่ค่อยจะเติบโตเท่าไร ในอนาคตกลับกลายเป็นเมือง ที่โตพรวดพราดซึ่งมันเกิดมาจากวิกฤตเศรษฐกิจในระดับโลกนั่นเอง
วิกฤตเศรษฐกิจที่ช่วยทำให้อนาคตของลาส เวกัส ดีขึ้น
ตอนปี 1929 มีเหตุการณ์หนึ่งที่คนทั่วโลกต่างจำกันได้ดีคือ The Great Depression หรือเหตุการณ์เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ตอนนั้นคนอเมริกาตกงานเยอะมากทำให้ ภาครัฐต้องเข้ามาช่วยให้คนมีงานทำ เลยเกิดเป็นโปรเจกต์ยักษ์ คือการสร้างเขื่อน ฮูเวอร์ ที่เป็นเขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ กั้นแม่น้ำโคโลราโดของรัฐเนวาดาและอริโซนา
จะว่าบังเอิญก็น่าจะใช่ เพราะว่าเจ้าเขื่อนที่ว่านี้ก็อยู่ห่างจากลาสเวกัสแค่ 53 กม.เท่านั้น ทำให้คนงานที่ได้มาทำงานที่เขื่อนหลั่งไหลมาเยอะมาก ช่วงนั้นประชากรก็เลยพุ่ง ไปในระดับหมื่นคน และแน่นอนว่าเมื่อทำงานมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยทั้งวัน เลยทำให้ธุรกิจกลางคืน ของที่นี่กลายเป็นตอบโจทย์ ให้พวกคนงานไปแบบสุดๆ ค่ะ
แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ทางผู้ว่าการรัฐเลยเข้ามาจัดระเบียบใหม่ ด้วยการจัดพวกธุรกิจสีเทา ให้กลายเป็นธุรกิจที่ขาวสะอาดก็คือ ทำให้มันถูกกฎหมายทั้งหมด โดยที่ได้กำหนดให้หน่วยงานของรัฐ ได้เข้าไปควบคุมแถมยังจัดโซน โดยที่ไม่ให้มีการกระจายไปที่อื่น
สรุป ลาสเวกัส กลายเป็นบ่อทองบ่อใหม่ ที่ทำให้นักธุรกิจตาลุกวาว
มีพวกนักธุรกิจที่มองเห็นโอกาสในเรื่องนี้ ก็เข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ใช่เพียงแค่ ลาสเวกัสคาสิโน เท่านั้น แต่ยังได้ขยาย ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารจนทำให้ที่นี่ กลายเป็นเมืองที่มีความเจริญหลายคนอาจจะมีคำถามว่า ลาสเวกัสน่าอยู่ไหม ความจริง ลาสเวกัสที่เที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ หลายแห่งด้วยอย่างเช่น เดอะสตริป คือถนนสายสำคัญที่เต็มไปด้วยโรงแรมสุดหรู ซึ่งหลายคนใฝ่ฝันอยากมาเห็น
เมืองนี้เขายังมีสตราโตสเฟียร์ ทาวเวอร์ หอคอยสูงที่ตั้งอยู่กลางใจเมือง มีความสูงถึง 320.2 เมตร มีพวกไฮโซมักจะไปดินเนอร์บนหอคอยสุดหรูแห่งนี้
และเมื่อมาจนถึง ลาสเวกัส จะต้องไม่พลาดไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ เดอะ ลิงค์ ที่เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ และสวยที่สุดในโลกและจะมีความสวยงามขนาดไหน ใครที่ผ่านไปทาง เวกัส อย่าลืม ไปหาโอกาสขึ้นชิงช้าชมเมืองกันให้ได้นะคะ เพราะว่ารอบหนึ่งนั้นก็จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที เขาว่ากันว่าเป็น 30 นาทีที่ตื่นตาตื่นใจ และคุ้มค่ามากที่สุดอีกด้วยค่ะ